วันจันทร์ที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2552

Information Technology for Organization Management

Chip War: Intel versus AMD

ปัญหา
- Intel เป็นผู้ผลิตชิพ (Chip) รายใหญ่ มียอดขาย 38.8 B$ มีพนักงานประมาณ 10,000 คนและมีผลกำไร 8.7 B$ ในปี 05
- AMD คือผู้เข้ามาแย่งตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปี 05 มียอดขาย 5.8 B$ และผลกำไร 16.5 M$
- AMD ได้นำ Opteron Chip ออกสู่ตลาด ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาด ผลกำไร และ หุ้นของ Intel ลดลง (ดูรูปหน้าถัดไป) เพราะว่า Opteron Chip ของ AMD กินไฟน้อยกว่า ให้ประสิทธิภาพสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Pentium ของ Intel
- ทั้งนี้เนื่องจากประมาณกลางปี 2004 ต้นทุนทางด้านพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกค้าของ Intel ทางด้าน high-end server business ไม่พึงพอใจกับค่าไฟที่ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น จึงได้หันไปใช้ Chip ของ AMD

ทางแก้
- Intel เริ่มตระหนักว่า ภาพพจน์ที่ดีไม่พอเพียงที่จะดังลูกค้ากลับได้ ดังนั้นจึงลงมือออกแบบ Chip ใหม่ เพื่อให้กินไฟน้อยกว่าของ AMD และ มีประสิทธิภาพดีกว่า ชิพตัวแรกในกลุ่มนี้ออกมาประมาณ เมษา 2006 (ชื่อ Sossaman)
- มันกินไฟแค่ 1 ใน 5 เมื่อเทียบกับ AMD ในราคาประมาณ 209$ ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าคาดหวังว่า ถ้าราคาเท่านี้เขาจะเปลี่ยนจาก AMD กลับมาใช้ Intel อีกครั้ง
- หลังจากนี้ Intel ได้เร่งออกแบบกลุ่มของ Chip (สนับสนุน)ใน Server ให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกัน (คือกินไฟน้อยลง) ในเวลาเดียวกัน Intel ได้ขยายกำลังการผลิต เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำลง
- ปัญหาของ Intel ตอนนี้คือเวลา (Time) อินเทลต้องขจัด Chip รุ่นเก่าออกไปจากสต็อก (เช่น ขายลดราคา เป็นต้น ถ้าขายไม่ได้ แล้วออกชิพรุ่นใหม่ ก็จะขายไม่ออก) ต้องเร่งรัดการออกแบบ เพราะค่าพลังงานสูงขึ้น คนก็เปลี่ยนไปใช้ AMD มากขึ้น

ผล
- Intel ยังมีโอกาสที่จะดึงลูกค้าเดิมกลับคืนบางส่วนหรืออาจทั้งหมด หรือ ได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น แต่ความเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มากมายจนยากที่จะประเมิน
- AMD ยังคงพัฒนา chip ให้ดีขึ้นต่อไป และ ลูกค้าที่เปลี่ยนใจไปใช้ AMD แล้ว อาจจะไม่เปลี่ยนกลับมาใช้อินเทลอีก

Lesson learned
- การแข่งขันทั่วโลกเป็นพลังขับดัน (ไม่เว้นแม้แต่บริษัทใหญ่) ให้หาทาง ลดต้นทุนการดำเนินการ เพิ่มประสิทธิผล และ ปรับปรุงการให้บริการ แก่ลูกค้าอันเป็นการเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน
- ประสิทธิภาพขององค์กรนั้นไม่ได้ขึ้นกับประสิทธิภาพของการทำงานเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (business environment) ด้วย
- AMD มีความสามารถในการผลิตชิพที่ใช้พลังงานน้อยกว่าของอินเทล ค่าใช้จ่ายทางด้านพลังงานเป็นตัวเร่งให้ชิพของ AMD มีความได้เปรียบในการแข่งขัน ซึ่งก็คือแฟกเตอร์หนึ่งของสภาพแวดล้อมทางธุรกิจนั่นเอง
- การต่อต้านกับความกดดันอันเนื่องมาจากสภาพแวดล้อมทางธุรกิจและความได้เปรียบในการแข่งขัน อินเทลใช้วิธีการแบบเดิม ๆ (เช่น การลดราคาเป็นต้น) ไม่พอเพียงอีกต่อไปแล้ว อินเทลต้องออกแบบผลิตภัณฑ์ของเขาใหม่
- ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว อินเทลต้องทำอย่างรวดเร็ว เพื่อลดเวลาออกสู่ตลาด (time-to-market)ให้สั้นลง ดังนั้น อินเทลจึงต้องหาinformation technology ต่าง ๆ เช่น IT-based collaboration tools เป็นต้น มาใช้เพื่อลดเวลาลง

1.1 Doing Business in the Digital Economy
การทำธุรกิจในยุค Digital Economy หมายถึงการใช้ Web-based systems บน Internet และ electronic networks ใด ๆ เพื่อทำธุรกรรมทางอิเลกทรอนิคส์รูปแบบใดแบบหนึ่ง
- E-business คือ การดำเนินฟังก์ชันทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์เป็นหลัก
- E-commerce คือ การธุรกรรมทางธุรกิจโดยอาศัยสื่ออิเลคทรอนิคส์บนอินเตอร์เน็ตและ computing network อื่น ๆ
ดังนั้นจะเห็นว่า โครงสร้างพื้นฐานของ EC ก็คือ networked computing ซึ่งเป็นตัวเชื่อมคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์ต่างๆ เข้าด้วยกันเป็นโครงข่ายการสื่อสาร (telecommunication network) ถ้าโครงข่ายการสื่อสารนั้นใช้อยู่ภายในองค์กร เรียกว่า Intranet ถ้าโครงข่ายนั้น ๆ มีการเชื่อม Intranet (ของพันธมิตรทางธุรกิจ)เข้าด้วยกัน เรียกว่า Extranet ถ้าโครงข่ายนั้นเชื่อมต่อกันทั่วโลก เรียกว่า Internet

The Digital Enterprise
ได้มีการให้คำจำกัดความของ “Digital Enterprise (organization)” ไว้หลายแบบ เช่น Davis (2005) เชื่อว่า Digital Enterprise คือ โมเดลธุรกิจแบบใหม่ที่ใช้ IT ในแนวทางพื้นฐานเพื่อก่อให้เกิดหนึ่งหรือมากกว่าในสามวัตถุประสงค์ คือ

1. เข้าถึง (reach) และประสาน (engage) กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. เพิ่มผลิตผลให้แก่พนักงาน
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน นั่นหมายความว่า Digital Enterprise ได้นำเทคโนโลยีการสื่อสารและการคำนวณที่มีอยู่มาใช้ปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ

ภาพนิ่ง 11

Digital Enterprise เปลี่ยนมุมมองจากการบริหารจัดการอุปกรณ์ของ IT เฉพาะอย่าง เช่น อุปกรณ์ต่าง ๆ โปรแกรมประยุกต์ กลุ่มข้อมูล เป็นต้น มาเป็นการบริหารแบบองค์รวมของการให้บริการและworkflowที่ใช้กำหนดธุรกิจและจัดส่งคุณค่า (value) ระดับยอดไปให้ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทาง (end users)

ดังนั้น Digital Enterprise จึงใช้โครงข่ายของคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อทางไฟฟ้าระหว่าง:
- ส่วนภายในของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง intranet
- หุ้นส่วนทางธุรกิจของ enterprise ทั้งหมด ผ่านทาง internet หรือ extranet หรือ value-added private communication lines

ภาพนิ่ง 10





ภาพนิ่ง 6




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น